นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

แชงกรีลา ย่าติง ลี่เจียง

17-26 ตุลาคม 2557


17 ตุลาคม 2557


ปลายเดือนตุลาคม ๕๗ ผมไปเที่ยวจีนอีกแล้วครับ

แก๊งเราครั้งนี้มีกันถึง ๑๔ คน ส่วนใหญ่เคยเที่ยวด้วยกันมาก่อนหลายครั้ง คุ้นเคยกันดี มาจากสามกลุ่มคือ สายรังสิต มีเอก ต่อ ตุ๊ก และแทร็ก สายศิริราช มีป้าอ้อย พี่ปู จิ เท้ง ไก่ และติ๋ว สายระยอง มีเซง มิ้น ผม อีกคนคือเอ๋ ถึงจะอยู่กรุงเทพแต่เป็นเพื่อนเที่ยวกับเซงติดตามมา ขอนับเป็นแก๊งระยองด้วยละกัน

เดิมทีการเที่ยวครั้งนี้มีเพียงสายศิริราชกับสายรังสิตเท่านั้น นำโดยเอกกับเท้ง เขาวางแผนล่วงหน้ากันร่วมครึ่งปีแล้ว ผมรู้ข่าวตั้งแต่ต้นแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจไป จนกระทั่งก่อนวันเดินทางเพียงเดือนเศษ เมื่อผมกับเซงเจอกันโดยบังเอิญที่เซเว่นใกล้บ้าน จึงเอ่ยถึงทริปย่าติงของ "พวกนั้น" ว่าจะเอาไง ไปด้วยดีไหม หลังจากคิดใคร่ครวญกันคนละสองสามวินาทีก็ตกลงว่าไปก็ไป สายระยองจึงมาร่วมแก๊งจนได้ ครั้งนี้คุ้งไม่ได้มาด้วย แต่ก็ยังมีส่วนช่วยในการหาข้อมูลและแนะนำการวางแผนเที่ยวให้

เป้าหมายหลักของการเที่ยวครั้งนี้คือ ย่าติง ผมกับมิ้นเคยมาเที่ยวแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี ๕๔ แต่ในครั้งนั้นแทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ครั้งนี้จึงเป็นนัดล้างตาครั้งสำคัญ ส่วนเซงก็เคยมาเมื่อหลายปีก่อนเหมือนกัน เส้นทางการเดินทางในครั้งนี้คือ กรุงเทพ คุนหมิง แชงกรีลา เต้าเฉิง ย่าติง ส่วนขากลับก็ย้อนทางเดิม โดยแวะลี่เจียงด้วย

เจอกันที่ดอนเมือง


แน่นอน ต้องนั่งแอร์เอเชีย


เรานัดเจอกันแต่เช้าตรู่ที่ดอนเมือง ได้เที่ยวบิน FD 582 กำหนดขึ้นเครื่อง ๘:๑๐ น. หลังจากเช็คอินโหลดของเสร็จแล้วยังพอมีเวลาเหลือ เราไม่คิดอะไรมากไปกว่าหาของกิน แวะที่เอสแอนด์พีกินมื้อเช้ากัน แต่อาหารก็มาช้าเหลือเกิน กว่าอาหารจะมาก็ต้องรอกันเกือบครึ่งชั่วโมง เหลือเวลากินนิดเดียว ยัดกันตาลีตาเหลือกแล้วก็ต้องรีบแจ้นไปขึ้นเครื่องเลย พอพวกเราตรวจตั๋วเสร็จเขาก็ปิดเกตออกรถบัสเลย แสดงว่าเขารอเราอยู่กลุ่มเดียว หากช้ากว่านี้อีกนาทีเดียวมีหวังต้องเดินไปขึ้นเครื่องเอง

วันนี้เป็นวันเกิดของแทร็ก จิไม่เคยลืมน้อง ๆ มีคัปเค้กมาให้เป็นเซอร์ไพรซ์วันเกิดด้วย


มิ้นเริ่มแสดงแสนยานุภาพข่มขวัญพี่ 




เที่ยวบินนี้ที่นั่งว่างหลายที่ ซีกซ้ายว่างทั้งแถบ


ถึงคุนหมิงแล้ว


ภายในสนามบินฉางสุ่ย


เรามาถึงคุนหมิง ๑๑.๒๐ น. เร็วกว่ากำหนด ๒๐ นาที สิ่งแรกที่ต้องไปคือสถานีรถโดยสารฝั่งตะวันตก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงไหน พอถามประชาสัมพันธ์จึงรู้ว่าต้องไปนั่งแอร์พอร์ตบัสของ บริษัท ๙๑๙ จุดขึ้นรถอยู่หน้าสนามบินนี่เอง อ้าวไหนว่ามีรถไฟฟ้า

ตู้ขายตั๋วแอร์พอร์ตบัส ค่าโดยสารคนละ ๑๓ หยวน


ไม่ทันไร


รถบัสวิ่งผ่ากลางเมืองทะลุออกไปสถานีรถโดยสารตะวันตก ในเมืองรถไม่ติดอะไร นั่งไม่ทันง่วงก็ถึงแล้ว สิ่งแรกที่เราต้องรีบทำเมื่อมาถึงสถานีรถก็คือ ซื้อตั๋วไปจงเตี้ยนให้ได้ ถือเป็นช่วงที่ต้องลุ้น เพราะรถที่วิ่งจากคุนหมิงไปจงเตี้ยนมีเพียงวันละรอบเท่านั้น กลุ่มของเราก็มีกันมากถึงเกือบครึ่งคัน หากไม่มีตั๋วจะทำอย่างไร

แผนสำรองที่วางไว้ คือหากไม่มีตั๋วไปจงเตี้ยน ก็ให้ซื้อตั๋วไปลี่เจียงแทน ลี่เจียงอยู่ในทางผ่าน มีโอกาสได้ตั๋วมากกว่าเพราะมีวันละหลายเที่ยว เมื่อไปถึงลี่เจียงแล้วก็ค่อยซื้อตั๋วรถไปจงเตี้ยนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งก็มีเที่ยวรถมากอีกเช่นกัน

เซงและเท้ง ไกด์จำเป็นของเราในครั้งนี้


แต่โชคก็เข้าข้างเรา เราได้ตั๋วไปจงเตี้ยนครบทั้ง ๑๔ ใบ เป็นอันว่าแผนสำรองไม่ต้องใช้ เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปลูกหนึ่ง รถเที่ยวนี้เป็นรถนอน รถออกจากคุนหมิง ๑๘:๓๐ น. ถึงจงเตี้ยนเช้า ดังนั้นวันนี้เรามีเวลาในคุนหมิงครึ่งวัน ไปเดินทอดน่องที่ไหนก่อนก็ได้ แต่ก่อนอื่นหาของกินก่อน หิวแล้ว

แวะฝากของกันก่อน พวกเรามีหลายคน พนักงานจึงให้เดินแบกเป้เข้าไปไว้ในชั้นเองเลย


หันกลับมาถ่ายรูปสถานีเอาไว้ก่อน เผื่อกลับมาไม่ถูก


ฝ่ายสั่งอาหาร


ฝ่ายรอกิน








จานนี้น่าผิดหวัง ดูแล้วเหมือนถั่วเคลือบน้ำตาล กลับกลายเป็นแป้งจืด ๆ เปียก ๆ ผักทอดก็ขมไม่เข้าลิ้น แต่ก็ไม่เหลือ


ใบนี้ ๕ เหมา เอาไว้เข้าส้วมอย่างเดียวนะแทร็ก




อาหารมื้อแรกในจีนผ่านไปด้วยดี รสชาติดี ถูกปากทุกคน ต่อไปก็มาคิดกันต่อว่าจะไปไหนดี เซงดูแผนที่สามตลบแล้วให้ความเห็นว่า ไปไหนไม่ได้นอกจากต้ากวนโหลว เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล ที่เที่ยวอื่นล้วนแต่อยู่ไกลเกินไป ว่าแล้วก็เรียกแท็กซี่ที่แยกขนส่งนั่นเลย ที่จีนมีแท็กซี่แบบมินิแวนอยู่มาก จึงสะดวกสำหรับคณะของเรา เพราะจุผู้โดยสารได้ ๗ คน แบ่งกันคันละครึ่งพอดี







มันเผาส่งกลิ่นหอมโชยเตะจมูก แต่ตอนนี้กระเพาะไม่มีที่เก็บ ฝากไว้ก่อน วันหลังค่อยซื้อก็ได้








มิ้นไม่เคยพลาด เรื่องการถ่ายถังขยะ






ตะหลิวพิฆาต อาวุธคู่กายของแทร็กตลอดทริป


ทริปเราตากล้องเยอะ ๑๔ คน ๑๔ กล้อง ไม่นับกล้องโทรศัพท์




























































เดิน ๆ ไปก็เพิ่งรู้ว่าต้ากวนโหลวนี้ ผมเคยมาแล้วสองครั้ง ไม่ยักรู้ว่าชื่อนี้ นึกว่าชื่อซุ่ยหูกงหยวน เซงบอกว่า ซุ่ยหูกงหยวนคืออีกที่นึง ไม่ใช่ที่นี่

หลังจากเดินกันครบรอบ ก็นั่งรถกลับไปสถานีรถ ใกล้ได้เวลารถออกแล้ว ครั้งนี้เป็นการนั่งรถบัสนอนครั้งแรกของหลายคน น่าจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจได้ เพราะรถนอนก็ไม่ลำบากนัก ผมเคยนั่งมาหลายครั้งแล้ว ถือว่าสบายด้วยซ้ำไป ตอนเดินขึ้นอาจจะคับแคบหน่อย พอล้มตัวลงช่องแล้วก็สบาย ดึก ๆ มีแวะให้เข้าห้องน้ำ เช้าก็ถึงที่หมาย





ผมคงจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อย เที่ยวรถนี้ก็กลายเป็นเที่ยวแห่งความทรงจำของหลายคนรวมถึงผมด้วย พวกเราได้ที่นอนกระจัดกระจายไปทั้งคัน คนที่ได้ช่วงหน้าและช่วงกลางรถดูจะสบายดี ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ส่วนคนที่ได้ที่นอนท้าย ๆ รถต้องทรมานกับกลิ่นตีนของผู้โดยสารจีนที่นอนเรียงกันห้าคนที่ท้ายรถ รถคันนี้มีถุงพลาสติกให้ห่อรองเท้ากันกลิ่น แต่ไอ้พวกนี้ก็ไม่ทำตาม จะบอกก็ไม่รู้บอกยังไง ท่าทางพวกนี้ก็ออกจะเหมือนกุ๊ยเสียด้วย ครั้นจะถอดรองเท้าเอากลิ่นของตัวเองไปสู้มันก็เกรงใจพวกเดียวกัน จึงได้แต่ทน ๆ ไป ติ๋ว มิ้น และผม ได้ที่นอนใกล้พวกนี้ที่สุด หัวอยู่ห่างจากตีนพวกมันไม่กี่คืบ ไก่ที่อยู่อีกซีกนึงของรถดูเหมือนจะเจอกลิ่นแรงกว่าเขาเพื่อน คนที่ทรมานสังขารที่สุดคงเป็นเอก เอกได้ที่นอนตรงกลางคัน ไม่ค่อยได้รับผลจากกลิ่นมากนัก แต่ด้วยความที่เอกตัวสูงมาก ตัวจึงยาวเกินซองนอน แถมยังเป็นที่นอนริมมีเสารถมาเบียดที่อีก จึงต้องนอนตะแคงคุดคู้งอเข่าตลอดเส้นทาง

สภาพภายในรถนอน



ตำแหน่งสถานที่ที่ไปในวันนี้

เผยแพร่ : 16 พ.ย. 64 แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 65