แชงกรีลา ย่าติง ลี่เจียง
17-26 ตุลาคม 2557
เขาบอกว่าสนต้นนี้เป็นสนที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน
เป็นธรรมดาที่การเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่
การเคลื่อนทัพจะช้ากว่าเป็นกลุ่มเล็ก ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งช้า กลุ่มเราก็เช่นกัน กลุ่มเรามีทั้งตากล้องทั้งนางแบบอาชีพ จึงไม่เพียงแค่ช้า แต่เป็นช้ามาก เฉพาะที่สู่ตูหูที่เดียว เราเดินกันสี่ชั่วโมงครึ่ง เรียกว่าเดินกันคุ้มค่าตั๋วเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ปี้ตาไห่
กระเล็นยังคงวิ่งกันเพ่นพ่าน แทบไม่กลัวคนเลยสักนิด
เรามาครั้งนี้เห็นสิงสาราสัตว์เยอะพอสมควร กระรอกกระเล็นเจ้าเก่ายังคงเพ่นพ่านให้เห็นได้ง่าย ๆ อย่างเคย ผมแอบแหงนมองขึ้นฟ้าอยู่บ่อย ๆ เพราะไปสืบรู้มาว่าแถบแชงกรีลานี้เป็นแหล่งที่อยู่ของนกกระเรียนคอดำ เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย แต่แหงนกี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เห็นสักที ยังดีที่มีนกไต่ไม้มาให้ปลอบใจหลายตัว บางตัวลงมาใกล้มากจนถ่ายรูปด้วยเลนส์ ๒๐๐ มม. ได้สบาย ๆ ดูแล้วน่าจะเป็นนกไต่ไม้โคนหางสีน้ำตาล (Sitta nagaensis)
นกไต่ไม้ ผู้มาแย่งบทเด่นจากกระเล็น
นกเป็ดผีดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเลสาบหลายตัว มีทั้งลูกเล็ก ๆ ด้วย แต่ดูไม่ออกว่าเป็ดผีชนิดไหน อยู่ไกลเหลือเกิน ดึงเต็มที่ได้แค่นี้
หยุดเป็นกิน
ช่วงที่เดินปี้ตาไห่นี้ ดวงอาทิตย์อยู่ต่ำแล้ว เส้นทางเดินก็เป็นเส้นทางจากตะวันออกไปตะวันตก เราจึงต้องเดินย้อนแสงเสียเป็นส่วนใหญ่ เดินไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นัก ไม่มีอารมณ์จะหยุดถ่ายรูป การเดินจึงเร็วขึ้นโดยอัตโนมัต ถึงจะเร็วขึ้นแล้วก็ยังใช้เวลาในปี้ตาไห่ที่มีระยะทาง ๔.๒ กิโลนี้เกือบสองชั่วโมง
ไม้ล้มลุกที่เคยขึ้นอยู่ระหว่างทุ่งหญ้าเป็นสีแดงสวย ตอนนี้เฉาหมดแล้ว
ตรงบันไดขึ้นไปที่จอดรถบัส มีร้านฟาสต์ฟู้ดมาเปิด
ศูนย์นักท่องเที่ยว กำลังจะปิด
เราออกจากปี้ตาไห่มาถึงจุดนัดพบกับแท็กซี่เอาตอนเย็นจวนแสงจะหมด เจอเซงกับเอ๋นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมมองหาร้านมันเผาที่เล็งไว้ตอนขาเข้า แต่ตอนนี้ก็เย็นจนร้านค้าปิดหมดแล้ว อดกินอีกจนได้ โชเฟอร์แท็กซี่ถึงกับถามว่าพวกเราเที่ยวอะไรกันนานนักตั้งหกชั่วโมง เขารู้จักพวกเราน้อยไป หลังจากพรรคพวกมากันครบก็หารือกันว่าจะไปไหนกันต่อดี ถามถึงนาพาไห่แต่โชเฟอร์บอกว่าไม่ทัน ตอนนี้เย็นเกินไปแล้ว ไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากหาที่กินข้าวเย็น ซึ่งโชเฟอร์มีเงื่อนไขว่าต้องเลี้ยงข้าวพวกมันด้วย ไม่มีปัญหา ว่าแล้วแท็กซี่ก็พาเราไปร้านหม้อไฟแนะนำ
หม้อไฟมื้อนี้รสชาติดีทีเดียว ทั้งที่ไม่มีอะไรพิสดาร มีเพียงผักนานาชนิดกับน้ำพริกที่เรียบง่าย เราแยกนั่งกันสองโต๊ะ โต๊ะหนึ่งสั่งเนื้อ อีกโต๊ะสั่งหมู กินกันพุงกาง แต่ถึงตอนเช็คบิลก็สะดุ้งกันเป็นแถว เพราะราคาแพงถึงหกร้อยกว่าหยวน สงสัยเสร็จไอ้โชเฟอร์เสียแล้วเรา
วันนี้หลายคนมีอาการแพ้ความสูงให้เห็นกันแล้ว ผมเป็นไม่มากนัก มีเพียงแค่ปวดขมับอ่อน ๆ จิ อ้อย ตุ๊ก มีอาการมาก ที่น่าแปลกก็คือมิ้นซึ่งไม่เคยมีประวัติแพ้ความสูงมาก่อนกลับมีอาการกับเขาด้วย เมื่อเรากลับไปถึงโรงแรม เท้งออกไปซื้อยาแก้แพ้ความสูงที่ร้านยาฝั่งตรงข้ามโรงแรม ได้มาเป็นยาจีน ชื่อยาหงจิ่งเทียน เป็นยาน้ำบรรจุในหลอดแก้วเล็ก ๆ จึงลองกันคนละหลอดสองหลอด ผมก็ลองหลอดนึง อร่อยดี แต่ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
ยาหงจิ่งเทียน (ภาพจากเท้ง)
หลังจากลองยากันแล้ว ก็พร้อมจะออกไปเดินเมืองเก่ากัน โรงแรมที่เราพักนี้อยู่ห่างจากทางเข้าเมืองเก่าแค่ร้อยกว่าเมตรเท่านั้นเอง แม้ตอนนี้จะปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว แต่เจ้าของโรงแรมบอกว่ายังเดินได้อยู่ เดินได้ก็ไปเลย
ไม่รู้ว่าไอ้ที่ว่าเดินได้ของเจ้าของโรมแรม เขาให้มาเดินดูอะไร เพราะพอเรามาถึง ร้านรวงก็ปิดเสียเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางร้านที่เปิดเป็นผับเท่านั้น เราเจอนักท่องเที่ยวแค่ไม่ถึง ๓๐ คนเลยมั้ง จึงได้แค่เดินฝ่าความมืดขึ้นไปที่วัดบนบนเขาที่มีล้อมนต์ยักษ์ตั้งอยู่ มองลงมาข้างล่างก็มืดตื๋อ มองไม่ออกว่าเมืองเก่าใหญ่โตแค่ไหน เราใช้เวลาไม่นานนักที่เมืองเก่า เพราะไม่มีที่ให้ไป ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลยสักนิด ว่าแล้วก็ทยอยเดินกลับโรงแรมนอนดีกว่า พรุ่งนี้รถบัสไปเต้าเฉิงออกเวลา ๗.๓๐ น. นัดเจอกัน ๖.๓๐ น.
เห็นเงาแบบนี้ คงไม่ต้องเดาว่าข้างในจะเป็นอะไร
เส้นทางวันนี้
เผยแพร่ : 16 พ.ย. 64 แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ย. 65