นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

ย่าติง แชงกรีลา ลี่เจียง 12-21 ตุลาคม 2554



14 ตุลาคม 2554


วันนี้ตื่น 5:45 น. ท้องไส้ดูเหมือนจะดีขึ้นแม้ภายในจะยังคุลึก คาดว่าถึงบ่ายก็คงสงบ เช็คเอาต์เสร็จก็นั่งแท็กซี่ไปสถานีขนส่งเพื่อนั่งรถประจำทางไปเมืองเต้าเฉิง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านก่อนที่จะเข้าไปย่าติง รถออกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 11 ชั่วโมง เรียกว่าทั้งวันกันเลยทีเดียว

เส้นทางวันนี้ทุรกันดารและคดเคี้ยวมาก ผิวถนนก็ไม่ได้เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกรัง วิ่งฝุ่นตลบทั้งวัน แต่ที่แย่มากก็คือ เรานั่งเบาะท้ายรถ หลังเอนไม่ได้ แล้วผมก็อยู่ตรงกลางไม่มีอะไรรองขา ไม่มีเบาะคนหน้าค้ำเข่า ซวยที่สุดในรถ รถสะเทือนทีตัวก็ไหลที ต้องดันตัวขึ้นมานั่งตัวตรงใหม่ แล้วก็เป็นแบบนี้ตลดเส้นทาง เล่นเอาเมื่อยระบมไปทั้งตัว เสียงรถก็ดังจนฟังเพลงวอร์กแมนไม่รู้เรื่อง รถก็สั่นโคลงมากจนอ่านหนังสือไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือนั่งรอจนถึงปลายทาง



จุดที่แวะให้เข้าห้องน้ำ ความจริงไม่มีห้องน้ำหรอก ตรงนี้หลังเขามาก ๆ เขาไปยืนแอ่นนั่งยองข้างทางกัน


แวะเปลี่ยนยางที่เมืองเซียงเฉิง




หลังจากนั่งคลุกฝุ่นกันทั้งวัน ก็ไปถึงเมืองเต้าเฉิงตอนทุ่มนึง เต้าเฉิงเป็นอำเภอเล็ก ๆ ตัวเมืองมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลราว 3,800 เมตร ส่วนย่าติงที่เราจะเข้าไปในวันรุ่งขึ้นสูงกว่า 4,000 เมตร ดังนั้นการพักที่เต้าเฉิงอีกคืนนึง ก็เป็นเหตุผลดีสำหรับการให้ร่างกายปรับตัวกับความดันบรรยากาศของที่สูง จะว่าไป ถึงวันนี้อาการแพ้ความสูงของคุ้งก็ยังไม่ดีขึ้น คืนนี้เราเข้าพักในโรงแรมยูสโฮสเทล ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีขนส่ง

บริเวณลานกลางโรงแรม








วางกระเป๋าเสร็จ ก็รวบรวมคลังแสง เพื่อคัดว่าจะเอาอะไรเข้าไปในอุทยานบ้าง


แผนการเดินทางสำหรับสองวันข้างหน้าคือ วันพรุ่งนี้นั่งรถประจำทางเข้าไปในอุทยานย่าติง เข้าพักในโรงแรมที่อยู่ในหมู่บ้านย่าติงชุน แล้วบ่ายก็เดินเที่ยวแถบวัดชงกู่ ขึ้นไปดูเจินจูหูหรือบึงไข่มุก อีกวันนึงก็ไปที่ทุ่งลั่วหรง และถ้ามีเวลาพอ ก็เดินเลยไปที่ทะเลสาบหนิวไหน่ไห่ กับทะเลสาบอู่เซ่อไห่

เส้นทางเดินทางในวันนี้


15 ตุลาคม 2554


วันนี้เราเหมารถเข้าอุทยานย่าติงกัน มีผู้ร่วมทางมาคนนึง ชื่อฮันส์ เป็นฝรั่งแบกเป้ เดินทางคนเดียว อยู่เมืองจีนมาเกือบเดือนแล้ว คุยถูกคอกับจื้อชิงดี

















วัดอะไรก็ไม่รู้ อยู่ระหว่างทาง ภายในดูเหมือนจะสวย แต่ไม่อยากเข้า เพราะเห็นพระยืนทำท่าจิ๊กโก๋อยู่หน้าวัดคอยเก็บตังค่าเข้าชมคนละสิบหยวน


เด็กชาวบ้านยืนดูนักท่องเที่ยว ได้ยินคนจีนเล่ามาว่า เด็กบริเวณนี้ชอบเข้ามาไถเครื่องเขียนนักท่องเที่ยว ดูที่มือคนเสื้อชมพู ก็คงจะยืนยันได้ในระดับนึง ทำไม่ไม่คิดไถอย่างอื่นนะ ใครเขาพกเครื่องเขียนมาเที่ยวอุทยานกัน


ดูจากระยะทาง เราควรใช้เวลาเดินทางจากเต้าเฉิงเข้าไปในย่าติงราวสามชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เป็นอย่างนั้น มีเรื่องไม่เข้าท่าหลายเรื่องระหว่างทาง มีช่วงนึงที่ผ่านหมู่บ้าน โชเฟอร์ก็จอดรถลงไปคุยกับชาวบ้าน ท่าทางที่คุยก็เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เหมือนแวะคุยกับเพื่อน นี่มันอะไรของมัน ผู้โดยสารก็นั่งงงอยู่ในรถอยู่เป็นสิบนาที เสียเวลาไปอย่างไม่จำเป็น

ช่วงก่อนเข้าเขตอุทยาน รถเราผ่านรถเช่าอีกคันนึงที่จอดอยู่ โชเฟอร์หยุดรถแล้วตะโกนคุยอะไรกับโชเฟอร์คันนั้นก็ไม่รู้ แล้วก็รถลงมาเปิดกระโปรงหลังซึ่งเป็นช่องเก็บสัมภาระ จัดแจงขยับกระเป๋าของพวกเราให้เหลือที่ว่าง เสร็จแล้วก็มีสาวจีนสี่คน แต่งตัวดูดีมีฐานะ หน้าตาน่าทะนุถนอม ขึ้นมานั่งเบียดเสียดในช่องว่างนั้น ก้มหน้าก้มตาคุยกันคิกคัก ถึงตอนนี้เพิ่งรู้ว่า สี่คนนี้ก็คือนักท่องเที่ยวเหมือนเรานั่นแหละ เพียงแต่มันต้องการโกงค่าตั๋วเข้าอุทยาน นักท่องเที่ยวแบกเป้จีนที่นิสัยเสียแบบนี้ปัจจุบันมีอยู่ไม่น้อย และพฤติกรรมแบบนี้ก็ดูเหมือนเป็นที่ยกย่องกัน ดังจะเห็นได้จากเว็บท่องเที่ยวหลายแห่งของจีนที่มักจะมีคนเข้าไปโพสคุยโวเรื่องความสามารถในการโกงของตนอย่างภาคภูมิใจเสมอ

เออ อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะ ถ้าโดนจับได้ก็โดนปรับอาน เสี่ยงเองก็ซวยเอง อย่าเอาความซวยมาให้เราก็แล้วกัน

ดูมันทำ ทำเป็นเด็ก ๆ ไปได้ น่าตบหัวสักคนละฉาด


แล้วรถก็ผ่านด่านตรวจตั๋วไปอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรให้ลุ้นมากนัก เจ้าหน้าที่ไม่มาส่องดูหลังรถเลยสักนิด ดูเหมือนแทบจะไม่ได้มองมาที่รถเราเสียด้วยซ้ำ หลังจากรถผ่านด่านตรวจไปได้สักพักก็จอดปล่อยให้สาวผู้ร้ายข้ามแดนทั้งสี่ลงจากรถ แล้วก็กลับไปขึ้นรถเหมาของมันที่จอดรออยู่ ท่าทางมีความสุข ปลาบปลื้มปิติเสียเหลือเกิน วีรกรรมนี้มันคงเอากลับไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ คงเอาไปโพสในเว็บบอร์ดท่องเที่ยว คงเอาไปโม้ในเฟซบุ๊ก และก็คงจะกล่าวพาดพิงถึงไอ้หน้าโง่คนไท่กั๋วกับฝรั่งหน้ารถที่ฉลาดสู้มันไม่ได้ จึงต้องจ่ายค่าตั๋วถึงคนละร้อยห้าสิบหยวน















พอถึงหมู่บ้านย่าติง ก็เข้าที่พักก่อนเลย เป็นโรงแรมจิ้งหรีด ห้องพักรวม จะว่าไปเหมือนห้องเก็บของที่เอาเตียงมาวางให้พักมากกว่า มีเบาะนอนที่ไม่มีเครื่องทำความอุ่น มีหมอนและผ้าห่มที่เหม็นอับเล็กน้อย มีห้องน้ำรวม มีน้ำให้ใช้ มีไฟฟ้าเข้าถึง ในห้องส่องสว่างด้วยหลอดไฟแบบไส้หนึ่งดวง สภาพเช่นนี้นับว่ายังดีกว่าที่คาดไว้แต่แรกเสียด้วยซ้ำ แต่จื้อชิงไม่รู้เป็นอะไร เห็นห้องส้วมแล้วเกิดอาการขี้หดตดหาย ผมดูก็ว่างั้น ๆ เคยเจอที่แย่กว่านี้มาเยอะ

จัดแจงที่พักเสร็จ ก็ออกเที่ยวล่ะครับ ที่แรกคือวัดชงกู่ ถึงจะไปวัด แต่ไม่ได้จะเที่ยววัด เราจะเที่ยวชมสิ่งที่อยู่รอบ ๆ วัด เส้นทางเดินต้องไต่ระดับความสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ตลอด วิวสองข้างทางก็สวยงามพอให้ลืมเหนื่อยไปได้

เผยแพร่ : 28 พ.ย. 65 แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 66