บันทึกของนายวิมุติ
ย่าติง แชงกรีลา ลี่เจียง 12-21 ตุลาคม 2554
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
วันนี้อากาศไม่ดีเลย
ท้องฟ้ามีเมฆมาก
เกือบไม่มีแดด
บริเวณที่เป็นภูเขาหิมะ
ก็กลับมีเมฆลอยต่ำ
ปิดบังยอดเขาไปเสียหมด
สองวันก่อนหน้านี้ฟ้าใสตลอด
แต่พอมาถึงจุดที่เป็นไฮไลต์ของการท่องเที่ยวฟ้ากลับกลายเป็นซะอย่างนี้
น่าเสียดายจริง
ๆ
ท่าขึ้นล่อ
ใครใคร่เดิน
ก็เดินตรงไป
ใครขี้เกียจ
ก็จ่าย
40
หยวนแล้วนั่งล่อไป
สบาย
ๆ
เส้นทางช่วงแรกจากจุดจอดรถถึงวัดชงกู่ไม่ชันมากนัก
เดินสบาย
ๆ
แต่เส้นทางจากวัดชงกู่ขึ้นไปยังทะเลสาบเจินจูหูชันเอาเรื่อง
ช่วงท้าย
ๆ
ต้องมีหยุดเพื่อพักหายใจด้วยซ้ำไป
วัดชงกู่
ดูแค่ข้างนอก
ขี้เกียจเข้า
เรื่องเหนื่อยน่ะไม่กลัวหรอก
ถ้าหายใจไม่ทันก็แค่หยุดเดิน
หายใจฟืดฟาดไม่ถึงนาทีก็หาย
แต่ที่น่ากังวลตอนนี้คือ
ฟ้าแย่ลงทุกที
ทั้ง
ๆ
ที่ยังไม่เย็นดี
แต่แสงก็น้อยจนแทบจะถ่ายรูปไม่ได้
ฝนเริ่มปรอยลงมาตอนถึงช่วงก่อนถึงเจินจูหูร้อยสองร้อยเมตร
พอเดินไปถึงจุดหมายเจินจูหูฝนก็ตกเป็นสายเลย
ลมก็แรง
หนาวก็หนาว
เรื่องชมวิวทิวทัศน์ลืมไปได้เลย
ตอนนี้ทำได้แค่ยืนเบียดเสียดหลบฝนอยู่ใต้ร่มซึ่งมีอยู่ไม่กี่อันเท่านั้น
ช่วงหลบฝนรอฟ้าเปิดอยู่นี้
เราก็เลยถือโอกาสกินขนม
ผลไม้
ฆ่าเวลาเสียเลย
ทะเลสาบไข่มุก
มาถึงก็แสงหมด
ฝนลง
ลมพัดแรง
ถ่ายได้แค่นี้ก็บุญแล้ว
เราหลบฝนอยู่ได้สักพักใหญ่
หวังว่าหลังฝนหยุด
ฟ้าอาจเปิด
แล้วเราก็จะได้เห็นภูเขาหิมะแบบชัดเจน
เต็มตา
เพราะที่ทะเลสาบนี้เป็นจุดชมภูเขาหิมะที่สวยที่สุด
ใกล้ที่สุด
แต่ก็นั่นแหละ
คนมันจะซวย
ยังไงก็ไม่ได้เห็น
กว่าฝนจะซาเม็ดก็ปาเข้าไปสี่โมง
อาทิตย์ลับเขาไปแล้ว
แสงไม่เหลือ
ฟ้าก็ไม่เปิด
เราจึงจำใจต้องกลับ
กลับจากเจินจูหูมาที่วัดชงกู่ก็เดินดูทุ่งหญ้าใกล้
ๆ
วัด
ชื่อว่า
ทุ่งชงกู่
ที่นี่เป็นทุ่งหญ้าสวยงามกลางโอบเขา
มีลำธารใสไหลคดเคี้ยวแทรกไปผ่านกลางทุ่ง
ผมใช้เวลาที่นี่ไม่นานนัก
เพราะแสงน้อยแล้ว
เดินนิดหน่อยก็ต้องรีบกลับลงเขา
ไม่เป็นไร
พรุ่งนี้เรายังจะมาผ่านตรงนี้อีกครั้ง
คงมีโอกาสได้แก้มือ
สภาพห้องสวีตที่เราพักในคืนนี้
มีโต๊ะทำอาหารด้วย
ไฮโซสุด
ๆ
ระหว่างมื้อเย็นสุดหรูในห้องพัก
เราได้หารือถึงแผนการเที่ยวในวันพรุ่งนี้ว่าจะเอายังไง
มีเงื่อนไขมากมายที่ต้องพิจารณา
ยังมีจุดท่องเที่ยวสำคัญอีกสองสามแห่งที่เรายังไม่เห็น
นั่นคือ
ทุ่งลั่วหรง
ทะเลสาบอู่เซ่อไห่
ทะเลสาบหนิวไหน่ไห่
ทุ่งลั่วหรงอยู่เลยจากทุ่งชงกู่ออกไปราว
7
กิโลเมตร
เส้นทางนี้ไม่มีปัญหา
เขามีรถกอล์ฟให้บริการ
แต่จากหลั่วหรงไปที่หนิวไหน่ไห่กับอู่เซ่อไห่นั้นต้องคิดหนัก
ทะเลสาบสองแห่งนี้ว่ากันว่าสวยมาก
อยู่เลยจากลั่วหรงไปอีกประมาณ
3-4
กิโลเมตร
และต้องไต่ระดับความสูงขึ้นอีกราว
400
เมตร
จึงต้องมาตัดสินใจกันว่า
พรุ่งนี้นอกจากจะไปที่ลั่วหรงแล้ว
จะไปสองทะเลสาบหรือไม่
คุ้งไม่ต้องตัดสินใจนาน
เพราะอาการแพ้ความสูงเล่นงานหนัก
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น
ขอเที่ยวแค่ลั่วหรงก็พอ
มิ้นก็อยู่แค่ลั่วหรง
จื้อชิงกับฮันส์นั่นยังอยากจะไปที่สองทะเลสาบนั่นอยู่
ผมเองใจนึงก็อยากไป
แต่ก็หวั่นเรื่องเวลา
เรานัดรถเช่าให้มารับออกจากอุทยานพรุ่งนี้ไว้สี่โมงเย็น
นัดเวลาให้เย็นกว่านี้ไม่ได้เพราะติดเงื่อนไขบางอย่าง
และถ้าพลาดนัดก็จะเป็นเรื่องใหญ่
เพราะอุทยานมีระเบียบเคร่งครัดเรื่องจำนวนคืนที่เข้าพัก
ฉะนั้นถ้าจะไปทะเลสาบ
ก็ต้องเร่งทำเวลา
จะเดินกินลมชมวิวหาเหลี่ยมถ่ายภาพไม่ได้
ทีนี้เส้นทางเดินจากลั่วหรงก็ไม่ใช่ถนนคนเดิน
แต่เป็นทางม้าเดิน
ผมเคยเดินทางม้ามาก่อนที่ปี้เผิงโกว
รู้ว่าไม่ใช่ทางที่จะทำเวลาได้ดีนัก
เพราะมักเป็นโคลนเฉอะแฉะเป็นหลุมเป็นบ่อ
ขี้ม้าก็เกลื่อนกลาด
ประเด็นสำคัญ
การเลือกไปทะเลสาบ
ก็จะได้อย่างเสียอย่าง
นั่นคือจะต้องตัดการเดินเที่ยวที่ลั่วหรงไป
เรียกว่าลั่วหรงเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น
ซึ่งจะคุ้มหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพราะลั่วหรงกว้างใหญ่มีอะไรให้ดูได้ทั้งวันอยู่แล้ว
แล้วถ้าจะเที่ยวแบบเก็บเป้าหมายให้ครบ
ก็ไม่แน่ว่าผมจะมีความสุขกับการทำแบบนั้นหรือไม่
มันไม่ใช่แนว
ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อแข่งเดินทางไกล
เรื่องออกกำลังกายกลับบ้านค่อยไปออกก็ได้
ผมมาเที่ยว
มาถ่ายรูป
ถ้าให้มารีบเดิน
รีบดู
รีบเห็น
แล้วรีบกลับ
ไม่เอาดีกว่า
หลังจากไตร่ตรองสิบแปดตลบแล้ว
ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปทะเลสาบ
ขอเดินเที่ยวลั่วหรงแบบเต็ม
ๆ
ดีกว่า
คุ้งซึ่งรู้ข้อมูลการท่องเที่ยวดีที่สุด
อธิบายเงื่อนไขต่าง
ๆ
ให้จื้อชิงกับฮันส์ฟัง
สองคนก็ดูจะเข้าใจดี
และเห็นพ้องว่าไม่ไปทะเลสาบก็ได้
เป็นอันผ่านด้วยมติเอกฉันท์
ไม่ต้องแยกเที่ยว
ไปไหนไปกัน
ดีแล้ว
เพราะใจผมก็ไม่อยากให้จื้อชิงแยกไปเท่าไหร่
ถึงมันจะโตเป็นหนุ่มแล้ว
แต่ถ้าปล่อยให้แยกเที่ยว
กลับไปผมกับคุ้งคงไม่แคล้วโดนแม่ด่าอ่วม
เส้นทางเดินทางในวันนี้
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เผยแพร่ : 28 พ.ย. 65 แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 66