บันทึกของนายวิมุติ
ย่าติง แชงกรีลา ลี่เจียง 12-21 ตุลาคม 2554
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
มิ้น
คุ้ง
และผม
มาถึงชงกู่ประมาณสามโมงนิด
ๆ
ระหว่างที่รอจื้อชิงกับฮันส์เดินมาสมทบ
คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก
เราทั้งสามก็เดินเก็บทุ่งชงกู่อีกครั้งเพื่อแก้มือ
เพราะที่เดินดูเมื่อวานเย็นแทบไม่มีแสงเลย
ตอนนี้ยังดีหน่อยมีแดดให้เห็น
ถึงฟ้าจะไม่ดีก็ไม่เป็นไร
เมื่อกลับขึ้นมาที่จุดนัดพบอีกครั้ง
ก็ยังไม่เห็นสองคนนั้นอีก
เอ๊ะยังไงกัน
ทำไมช้านัก
เรานั่งรอกันสักพัก
คุ้งตัดสินใจเดินลงไปก่อน
ผมกับมิ้นนั่งรอ
เมื่อจวนถึงเวลาที่นัดไว้โชเฟอร์มารับแล้ว
มิ้นเดินสวนทางกลับไปตามสักพักใหญ่
กลับมาก็บอกไม่เจอ
ผมใจคอชักไม่ดีแล้ว
เวลาตอนนี้ก็เลยสี่โมงเย็นแล้ว
ผมจึงบอกให้มิ้นนั่งรอแล้วออกไปตามบ้าง
ผมเดินจ้ำอย่างเร็ว
ตาก็มองไปที่ถนนข้างหน้า
ทุกครั้งที่ผ่านโค้งเหลี่ยมเขา
ก็ภาวนาว่าเมื่อพ้นโค้งนี้ไป
ก็คงจะเจอสองคนนั่นเดินมา
แต่ก็ต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
แสงก็น้อยลงทุกที
ๆ
ยิ่งเดินยิ่งร้อนใจ
นี่มันผิดปกติแล้ว
ในใจผมเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้หลาย
ๆ
ทาง
เป็นไปได้ไหมว่าจื้อชิงเดินไปถึงจุดนัดพบในช่วงที่เราเดินเย็นใจอยู่ในชงกู่
ถ้าเป็นอย่างนั้น
จื้อชิงก็ต้องอยู่รอพบที่จุดนัดพบสิ
ทำไมเราไม่เห็น
หรือว่าสองคนนั้นโบกรถกอล์ฟสวนทางไป
แต่ผมก็มองผู้โดยสารในรถกอลฟ์ที่ผ่านไปทุกคันก็ไม่เห็นมี
พอดีเจอนักท่องเที่ยวจีนเดินสวนมา
ก็ถามว่าเห็นนักท่องเที่ยวสองคนหรือไม่
ฝรั่งคนนึงคนไทยคนนึง
เขาก็ว่าไม่เห็น
ผมก็ยิ่งใจเสียเข้าไปอีก
ยิ่งเวลาผ่านไป
สมมุติฐานเริ่มขยับไปทางร้ายมากขึ้น
มันเป็นลมเป็นแล้งกลางทางหรือเปล่านะ
ก็ไม่น่าเป็นอย่างนั้น
หรือว่าจื้อชิงสะดุดก้อนหินกลิ้งตกเขาไป
ผมเริ่มส่ายตามองหาข้างทาง
ขาก็ไม่หยุดเดิน
หรือว่าไอ้ฝรั่งบ้านั้นเดิน
ๆ
อยู่เกิดหิวจับหลานกูไปต้มกินจะว่ายังไง
ผมคิดไปถึงขั้นนั้นจริง
ๆ
ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้ง
เวลา
4:45
เข้าไปแล้ว
ผมว่าผมมาไกลเกินไปแล้ว
มันเกินความเป็นไปได้แล้ว
แล้วจื้อชิงอยู่ไหน
ผมหันหลังกลับ
เชื่อว่าจื้อชิงไม่ได้อยู่ในเส้นทางนี้แน่
ๆ
สันนิษฐานว่าอาจไปถึงจุดนัดพบด้วยทางใดก็ทางหนึ่งที่ผมไม่เห็น
จื้อชิงอาจนั่งอยู่กับมิ้นแล้วก็ได้ตอนนี้
ผมร้อนใจเกินกว่าจะเดิน
แม้จะเป็นการเสี่ยงที่จะวิ่งที่พื้นที่แบบนี้
แต่ก็ต้องวิ่ง
เมื่อกลับมาถึงที่มิ้นรออยู่
ตอนห้าโมงกว่า
สีหน้าของมิ้นบ่งบอกชัดว่ายังไม่เจอ
ถึงตอนนี้ผมคิดว่าเหลือทางเลือกเดียวแล้ว
ต้องลงเขาเดี๋ยวนี้
ทำอะไรตรงนี้ไม่ได้อีกแล้ว
เชื่อลึก
ๆ
ว่าตอนนี้จื้อชิงอาจอยู่กับคุ้งที่ข้างล่าง
หรือหากเกิดเรื่องร้ายขึ้น
ก็คงต้องพึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ในการตามหา
ไม่ใช่เพียงพวกเราหากันเอง
ตอนนั้นนักท่องเที่ยวทยอยลงจากบริเวณจนเกือบหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวแถวนั้นคงอ่านสีหน้าและอาการของผมและมิ้นออก
จึงเข้ามาถามว่าเกิดอะไรกัน
ผมบอกพวกนั้นด้วยความรู้ภาษาจีนอันกระท่อนกระแท่นไปว่า
ถ้าหากเจอสองคนตามลักษณะที่บอกไปผ่านมาตรงนี้ก็ช่วยบอกให้ตามลงไปโดยด่วน
ขาลงผมใช้บริการขึ้นล่อ
เสียตังให้มันอีกคนละ
40
หยวน
ค่านั่งล่อ
30
หยวน
กับค่าแบกเป้อีก
10
หยวน
เมื่อถึงที่หมายจุดนัดพบ
คุ้งกำลังยืนรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ
จื้อชิงยืนอยู่ข้าง
ๆ
อ้าว
โธ่เอ๋ย
เครียดแทบตาย
อยู่นี่เอง
ถึงตอนนี้เกือบหกโมงเย็นแล้ว
เราไม่มีเวลาอธิบายอะไรทั้งนั้น
ต้องรีบขึ้นรถและออกจากอุทยานโดยเร็ว
หลังจากนั่งถอนหายใจโล่งอกบนรถได้สักพัก
ฟังคำอธิบายแล้วจึงได้ความว่า
จื้อชิงไปถึงจุดนัดพบในช่วงที่เราลงไปเดินที่ชงกู่จริง
ๆ
แต่ไม่เห็นพวกเรา
จึงเข้าใจว่าเราลงเขามาก่อนแล้ว
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของแต่ละคน
แม้เพียงคนละนิด
เกือบทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปแล้ว
ช่วงที่คุ้งรอผมกับมิ้นอยู่ข้างล่าง
ก็ร้อนใจหัวแทบระเบิดพอ
ๆ
กัน
ถึงกับต้องจ้างคนท้องถิ่นสองร้อยหยวนเพื่อขึ้นมาตามเราสองคน
แต่ผมไม่ยักเห็นคนมาตามคนนั้น
เที่ยวเมืองจีนมาไม่รู้กี่ครั้ง
ก็มีครั้งนี้แหละ
ได้พูดจีนเยอะที่สุด
เฮ่อ...
คำว่าฝรั่ง
ภาษาจีนเขาต้องเรียกว่า
"เหล่าไว่"
แล้วตอนอยู่บนเขาเราพูดไปได้ไงวะ
"หงเหมา"
มิน่าคนจีนทำหน้างง
เฮ่อ...
ไม่คิดว่าจะได้มาซ้อมวิ่งที่ระดับ
4,000
เมตรด้วยรองเท้าหุ้มข้อหนักอึ้ง
เฮ่อ...
ท้องฟ้ามืดลงเรื่อย
ๆ
รถเช่าวิ่งฝ่าความมืดออกจากอุทยานเพื่อพาเรากลับไปสู่เมืองเต้าเฉิง
จื้อชิงนั่งแถวกลาง
คุยกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอระหว่างทางไปทะเลสาบอย่างอารมณ์ดี
มิ้นนั่งฟังเพลงจากไอพอดอย่างเคย
ผมกับคุ้งอยู่แถวหลัง
นั่งนิ่งอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อต้องนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมา
เรากลับมาถึงโรงแรมเดิมในเต้าเฉิงสองทุ่มกว่า
คืนนี้เราขี้เกียจออกไปกินข้างนอก
เลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่ให้หิ้วมาส่งที่โรงแรมเลย
พร้อมกับได้รับข่าวดีว่าทางโรงแรมจองตั๋วรถประจำทางไปแชงกรีลาได้แล้ว
ดีจริง
ๆ
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
เผยแพร่ : 28 พ.ย. 65 แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธ.ค. 66