บันทึกของนายวิมุติ
หวงซัน หงชุน 2009
11-18 ต.ค. 2552
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
ออกจากป่าไผ่กลับมาที่หงชุนตามเดิมด้วยความรู้สึกเสียดายเวลา
ขากลับหงชุนสังเกตว่าสองข้างทางช่วงนี้บรรยากาศดีมาก
มีนักท่องเที่ยวหลายคนเช่าจักรยานมาขี่เที่ยว
นึกแล้วก็เสียดายที่น่าจะมาปั่นชมท้องทุ่งบ้าง
ไม่น่าไปป่าไผ่นั่นเลย
จะไปปั่นตอนนี้ก็ไม่มีเวลาแล้ว
เย็นเกินไปแล้ว
กลับมาเดินเที่ยวในหงชุนต่อ
ที่นี่ไม่ว่าจะเดินไปซอกไหนซอยไหน
ก็จะเจอนักเรียนนั่งวาดภาพเต็มไปหมด
นักเรียนพวกนี้มากันเป็นร้อย
คงมากันเป็นทัวร์
กะคร่าว
ๆ
แล้วน่าจะมีถึงหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวทั้งหมดเลยทีเดียว
เท่าที่ไปแอบมองแล้วฝีไม้ลายมือของเด็กพวกนี้
ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่
หาคนที่ฝีมือดีแทบไม่เจอ
นึกสงสัยเหมือนกันว่าทัวร์นักเรียนพวกนี้คงเป็นทัวร์วาดภาพแก้เอฟ
ในมุมมองของคนที่ชอบวาดภาพ
หงชุนเป็นแหล่งฝึกวาดภาพที่ดี
เพราะมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม
มีหลืบมีซอกเยอะ
บ้านเรือน
สิ่งแวดล้อม
และวิถีชีวิตของชาวบ้านก็ยังไม่ถูกการท่องเที่ยวครอบงำมากนัก
ยังมีความเป็นดั้งเดิมอยู่พอสมควร
แม้หมู่บ้านจะไม่ใหญ่นัก
แต่มีมุมดี
ๆ
ให้ถ่ายภาพและวาดภาพมากมาย
เราพออาทิตย์ลับฟ้า
เราก็กลับมากินมื้อเย็นที่โรงแรม
ที่หมู่บ้านนี้แปลก
ทั้งหมู่บ้านหาร้านอาหารแทบไม่มีเลย
มีขายขนมบ้าง
ถ้าจะหาร้านอาหารต้องผ่านประตูออกไปนอกเขตหมู่บ้าน
ซึ่งมีร้านอาหารเรียงราย
เข้าใจว่าคงเป็นแผนการจัดการเมืองของที่นี่ที่จะไม่ยอมให้มีร้านอาหารหรือบาร์แบบฝรั่งในเขตหงชุน
ผมย้อนนึกถึงเมืองลี่เจียง
ซู่เหอ
ที่เต็มไปด้วยบาร์และร้านอาหารแล้ว
รู้สึกชอบที่นี่มากกว่า
ขากลับโรงแรมแวะซื้อไอ้นี่มา
ขนมอะไรก็ไม่รู้
รสชาติก็อร่อยแบบแปลก
ๆ
แต่กินได้แค่ครึ่งอันก็ทิ้ง
มื้อค่ำ
ที่โรงแรมอีกแล้ว
ระหว่างมื้อเย็น
เจ้าของโรงแรมบอกว่า
เดี๋ยวกลางหมู่บ้านจะมีงิ้วแสดง
น่าไปดู
ก็ดีเหมือนกัน
ถึงจะดูไม่เป็นแต่ก็อยากไปดูสักหน่อย
ดีกว่านั่งอยู่ในโรงแรมเฉย
ๆ
ถึงจะเป็นงิ้วบ้านนอกโรงเล็ก
แต่มีซับไตเติ้ลนะจะบอกให้
เวลาตัวละครร้องอะไร
ก็จะขึ้นตัวหนังสือให้ผู้ชมได้อ่านด้วย
แต่ดู
ๆ
แล้วเหมือนจะมีให้นักแสดงได้อ่านกันลืมเนื้อมากกว่า
เห็นเขาต้องเหลือบดูหลายครั้ง
ดูงิ้วไม่นานก็ออกมาเพราะดูไม่รู้เรื่อง
เดินชมหงชุนยามค่ำดีกว่า
แล้วจะได้ออกนอกหมู่บ้านไปกินเซาเข่าด้วย
อยากมานานแล้ว
ร้านเซาเข่าที่นี่มีมากมายนับสิบร้าน
ที่พิเศษกว่าที่อื่นที่เคยเห็นก็คือ
ที่โต๊ะลูกค้ามีเตาให้ลูกค้าได้ย่างกินเองด้วย
เหมือนหมูกะทะเลย
พอลูกค้าเลือกของเสร็จแล้วก็อาจหอบไปย่างเองที่โต๊ะเลยหรือจะให้เขาย่างให้ก็ได้
ตอนแรกผมให้เขาย่างให้
เพราะย่างเองไม่เป็น
โดยเฉพาะพวกเห็ดพวกต้นหอม
ดูไม่ออกว่าเมื่อไหร่สุก
แต่หลานชายอยากย่างเองมากกว่า
ก็เลยบอกให้เขาเอามาที่โต๊ะย่างเอง
การย่างเซาเข่าไม่ใช่แค่ย่างให้สุกแล้วก็จบ
ระหว่างย่างจะต้องมีการละเลงน้ำมัน
ทาซอส
คลุกเคล้าเครื่องเทศเครื่องปรุงไปด้วย
เขาเตรียมชุดเครื่องปรุงต่าง
ๆ
มาให้ด้วย
มันก็น่าสนุกดี
แต่ความสนุกก็กลับกลายเป็นความทุกข์ระทมในเวลาต่อมา
เพราะผมปรุงอีท่าไหนก็ไม่รู้
ต้นหอมย่างของโปรดออกมาเค็มปี๋
เค็มเหมือนไปแช่เกลือมายังไงยังงั้น
เราพยายามฝืนกินเพราะกลัวเสียฟอร์ม
อายแม่ค้า
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้
ยกไม้ที่ยังไม่ได้ขึ้นเตาเอาไปให้แม่ค้าย่างให้ตามเดิม
แม้ไม้หลัง
ๆ
ที่แม่ค้าย่างให้จะรสพอดี
แต่รสเค็มสุดขั้วยังคงติดลิ้นไปจนกระทั่งหลังกินเสร็จ
ต้องไปซื้อโค้กมาล้างปาก
เซาเข่าที่รอคอยกลายเป็นเซาเข่าเขย่าขวัญไปเลย
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
เผยแพร่ : 1 ธ.ค. 66 แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 68