นายวิมุติ บันทึกการเดินทางของนายวิมุติ โลกสีเขียว หลาน สหายลาดกระบัง

หวงซัน หงชุน 2009

11-18 ต.ค. 2552



13 ตุลาคม 2552

ราวตีสี่เจ้าหน้าที่ก็มาปลุกเราให้เตรียมตัวเพราะใกล้ถึงสถานีหวงซันแล้ว ผมนอนหลับไม่ดีนัก เพราะตื่นมาเข้าห้องน้ำหลายครั้ง พอตีสี่ครึ่งก็ถึงสถานี เดินสลึมสลือแบกเป้ลงรถไฟปุ๊บก็ต้องรีบไปจองตั๋วขากลับไว้ก่อน แล้วค่อยออกมาหารถรับจ้างเพื่อนั่งเข้าเมืองอีกที

"สถานีหวงซันยินดีต้อนรับท่าน"


จองตั๋วขากลับไว้ก่อน


เมื่อออกมาจากสถานี ลางร้ายก็เริ่มปรากฏ เพราะมีละอองฝนปรอย ๆ สอบถามคนขับรถรับจ้างแถวนั้นก็ได้ความว่า อากาศเป็นอย่างนี้มาหลายวันติดแล้ว บนเขามีแต่ฝนกับหมอก มองแทบไม่เห็นอะไร เอาละซี ไม่มีทางเลือก มาถึงที่แล้วนี่นะ

ต่อไปก็ไปหาโรงแรมที่ติดต่อเอาไว้ โรงแรมนี้ชื่อซิ่งหลงเหยินเจีย เราไม่ได้จะพักในเมืองในคืนนี้ แต่ติดต่อไว้ก่อนสำหรับขาลงเขา และเพื่อฝากสัมภาระหนักบางส่วนไว้ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเล็ก ๆ ที่บริหารงานโดยลุงป้าคู่หนึ่ง แกมีโรงแรมอยู่บนเขาหวงซันอีกแห่งแต่ให้ลูกสาวไปดูแล โรงแรมแห่งนี้พี่ผมเคยมาพักครั้งหนึ่งเมื่อครั้งมาเที่ยวเมื่อสองสามปีก่อน เหลือเชื่อที่อาแปะเห็นแล้วยังจำได้ อาแปะอาอึ้มคู่นี้อัธยาศัยดี น้ำจิตน้ำใจกว้างขวางอย่างกับทะเล ซึ่งต่างจากชาวจีนโดยทั่วไป ความเป็นมิตรของอะแปะอาอึ้มจึงทำให้โรงแรมแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชุมชนออนไลน์ของหมู่นักแบกเป้ชาวจีน

เราใช้เวลาที่โรงแรมสักพักใหญ่ หาซื้อเสบียงที่จำเป็นแถวนั้น พอฟ้าเริ่มสางก็นั่งรถแท็กซี่ต่อไปยังตีนเขาหวงซันเพื่อนั่งกระเช้าขึ้นเขาต่อไป ระหว่างนั่งรถแท็กซี่ก็ต้องฝ่าหมอก บริเวณสถานีกระเช้าไฟฟ้าก็อยู่ในม่านหมอก ระหว่างนั่งกระเช้ากระเช้าก็ต้องแล่นฝ่าม่านหมอกหนาทึบ มองไปไหนก็ขาวไปหมด มีช่วงเปิดมองเห็นเขาแค่แป๊บเดียว ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเอง เริ่มเซ็งแล้วซี

หวงซันมีสถานีกระเช้าสามจุด อยู่ห่างกันคนละมุม สถานีที่เรามาขึ้นคือสายหวินกู่ซื่อ ซึ่งจะนำพาเราขึ้นมาบริเวณทิศตะวันออกของหวงซัน จุดที่เราเดินในช่วงเช้านี้ก็คือ สื่อซิ่นเฟิง แต่วิวตรงนี้เป็นอย่างไรก็บอกไม่ถูก เพราะเดินอยู่ในก้อนเมฆตลอด มองไปไหนมีแต่สีขาว



















เดินมาไม่ไกลก็มาถึงเขาสื่อซิ่นเฟิง ตรงนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก เส้นทางเดินก็คุ้นเคย แต่เราเห็นวิวสวย ๆ แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เมฆก็เข้ามาบังบริเวณโดยรอบ บังจนแทบไม่เห็นอะไรเลย มีแต่สีขาวรอบตัว เราจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เมฆผ่านไป

บริเวณสื่อซิ่นเฟิงไม่กว้างใหญ่นัก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเฝ้ารอด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน เวลาผ่านไปเท่าไหร่จำไม่ได้ ตอนนี้เรากับเมฆเหมือนดวลกันว่าใครจะอึดกว่ากัน แต่ระหว่างที่ดวลกันอยู่นี้ เราก็ต้องสังเวยฝาครอบเลนส์ไปหนึ่งอัน พี่ผมทำตกเหวไป ตอนแรกฝาตกลงไปติดพุ่มไม้ใต้ชะง่อนหินไม่ลึกนัก หลังจากพยายามเกี่ยวกู้สักพัก ก็ต้องล้มเลิก เพราะยิ่งกู้ยิ่งไถลลึก ล้มเลิกเสียดีกว่า ก่อนที่จะต้องลำบากให้คนอื่นมากู้ศพเราจากก้นเหว

ยิ่งรอเมฆก็ยิ่งแน่น จนสุดท้ายเมฆก็ชนะ เราออกจากสื่อซิ่นเฟิงไปหาเป้าหมายอื่นดีกว่า ยังมีอีกมาก

















เผยแพร่ : 1 ธ.ค. 66 แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 68