หวงซัน หงชุน 2009
11-18 ต.ค. 2552
หน้าโรงแรมก็มีแต่หมอก
ระหว่างเดินเที่ยว ก็จะต้องสวนกับลูกหาบเสมอ ๆ พวกนี้พละกำลังมหาศาล แบกของคราวละหลายสิบกิโลขึ้นจากตีนเขาขึ้นไปโรงแรมต่าง ๆ บนยอดเขา
เราเดินแบกเป้ชมวิวมัวซัวด้วยอารมณ์มัวหม่นอยู่ได้พักใหญ่
ก็ผ่านจุด ๆ หนึ่งทำให้ผมเกิดอาการเหมือนระลึกชาติ นั่นคือหน้าโรงแรมเป๋ยไห่ซึ่งผมเคยมาพักเมื่อสิบกว่าปีก่อน เรานั่งพักกินผลไม้รอฟ้าใสอยู่ที่ข้างโรงแรมนี้สักพักใหญ่ รอแล้วรอเล่าก็ยังอากาศก็ยังไม่เลิก จึงตัดสินใจไปหาโรงแรมที่หมายตาไว้เลยดีกว่า จะได้เอาสัมภาระไปเก็บไว้ด้วย เดินเป็นไอ้บ้ามาตั้งนานแล้ว แบกเป้ทั้งหน้าทั้งหลัง โรงแรมที่เราติดต่อไว้ชื่อโรงแรมไผหวิน หรูหรามาก แม้จะพักโรงแรมหรู แต่เราเลือกพักห้องยาจก เป็นห้องรวม เตียงสองชั้นสามเตียง ห้องละหกคน เป็นทางเลือกที่น่าหวาดหวั่นเพราะถ้าพักรวมกับคนอื่น ก็มีโอกาสที่จะต้องนอนดมควันบุหรี่ของพวกคนจีน แต่เมื่อเข้าไปที่ห้องพักแล้วก็โล่งใจเพราะไม่มีคนอื่นอยู่ เราตัดสินใจนอนเล่นฆ่าเวลาที่นี่ เพราะถึงออกไปตอนนี้ก็ต้องไปเดินฝ่าหมอกอีก ครั้นพอนอนเล่นนานเข้า ก็ชักอยากจะนอนจริง ๆ ขึ้นมาแล้ว ว่าแล้วก็นอนดีกว่า โดยตั้งนาฬิกาปลุกทุกชั่วโมง เพื่อออกไปดูสภาพอากาศ ถ้าอากาศดีแล้วค่อยออกไปเดินเที่ยว อากาศปิดก็นอนต่อ
คลังแสงจากเป้ของผม เป้อื่นยังมีอีกเพียบ
ตลอดบ่ายวันนี้ ผมงีบหลับสลับกับออกไปดูอากาศข้างนอกหลายครั้ง จนกระทั่งตกเย็นอากาศใสพอจะมองเห็นอะไรบ้าง เราจึงออกมาเดินเที่ยวสักพัก แม้ตอนนี้จะเย็นมากแล้ว แต่ก็มีนักท่องเที่ยวอีกเป็นร้อยคนเดินกันพล่าน คงจะออกมาด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน
ในห้องพัก บะหมี่ถ้วยจากเมืองไทยคืออาหารหลักของเราบนเขานี้ ซื้อกินบนเขาไม่ไหวเพราะแพงมาก และที่ต้องหอบจากเมืองไทยไปเพราะรสชาติของบะหมี่เมืองจีนแย่สุดจะทน
ผมตั้งนาฬิกาปลุกเช้ามืด ตั้งใจว่าจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน ที่นี่มีจุดชมพระอาทิตย์หลายจุด ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวจีนหลายร้อยคนไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน คนจีนคลั่งไคล้ดูพระอาทิตย์ขึ้นยิ่งกว่าคนไทยหลายเท่า นักท่องเที่ยวจีนหลายคนมาหวงซันเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างเดียว มาตอนเย็น นอนค้าง เช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้วก็ลงเขาเลย เป็นแบบนี้
เผยแพร่ : 1 ธ.ค. 66 แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 68